![]() |
ที่มา : https://www.dek-d.com/ สืบค้นเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ 2560 |
ผู้เขียน
เวอโรนิก้ารอธ
ผู้แปล
นลิญ
เรื่องย่อ
เป็นหนังสือที่เขียนถึง สังคมของไดเวอร์เจนท์เป็นสังคมในโลกอนาคตโดยฉากของเนื้อเรื่องคือเมืองชิคาโก้
ทุกคนใช้ชีวิตปกติเหมือนสังคมเรา
เพียงแต่มีอุปกรณ์ที่ไฮเทคกว่าสังคมของไดเวอร์เจนท์จะถูกแบ่งออกเป็นกลุ่มโดยแต่ละกลุ่มจะมีการยึดถือคุณธรรมที่แตกต่างกันออกไป
ทุกคนของแต่ละกลุมจะมีการยึดถือปฏิบัติตามคุณธรรมของกลุ่มตน
และปฏิบัติหน้าที่ของตนที่ถูกกำหนดตามกลุ่มอย่างเคร่งครัด
1.Abnegation:
คนกลุ่มนี้ เน้นเรื่องการเสียสละ ไม่ยึดติดอยู่กับตัวเอง
ทุกคนเงียบขรึม มีการแต่งตัวชุดสีเทา ไม่ชอบมองกระจก
(การมองกระจกถือเป็นการหลงตัวเอง) ทำงานเพื่อช่วยเหลือสังคม นึกถึงผู้อื่นและส่วนร่วมเป็นหลัก
2. Dauntless: คนกลุ่มนี้เป็นผู้กล้า ทำหน้าที่คล้ายๆทหาร ชอบใช้กำลัง ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะความกลัวทั้ง
3. Erudite: กลุ่มคนฉลาดและกระหายความรู้ คนส่วนใหญ่เป็นนักวิทยาศาสตร์คอยพัฒนาเพื่อสังคมโดยรวม
4. Amity: กลุ่มคนรักสันติ ไม่ชอบการต่อสู้ ไม่ชอบต่อล้อต่อเถียง อยู่ได้ด้วยตัวเอง มีอาชีพเป็นเกษตรกร แต่บางครั้งกลุ่มนี้ก็ลุกขึ้นสู้ เพราะยึดแนวคิดที่ว่า บางทีการจะได้ความสงบสุขมาก็ต้องสู้ก่อน
5. Candor: กลุ่มคนยึดถือสัจจะ เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีความลับ ซื่อตรง เชื่อถือได้ ยึดมั่นแต่ความจริง โปร่งใส
2. Dauntless: คนกลุ่มนี้เป็นผู้กล้า ทำหน้าที่คล้ายๆทหาร ชอบใช้กำลัง ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาชนะความกลัวทั้ง
3. Erudite: กลุ่มคนฉลาดและกระหายความรู้ คนส่วนใหญ่เป็นนักวิทยาศาสตร์คอยพัฒนาเพื่อสังคมโดยรวม
4. Amity: กลุ่มคนรักสันติ ไม่ชอบการต่อสู้ ไม่ชอบต่อล้อต่อเถียง อยู่ได้ด้วยตัวเอง มีอาชีพเป็นเกษตรกร แต่บางครั้งกลุ่มนี้ก็ลุกขึ้นสู้ เพราะยึดแนวคิดที่ว่า บางทีการจะได้ความสงบสุขมาก็ต้องสู้ก่อน
5. Candor: กลุ่มคนยึดถือสัจจะ เป็นกลุ่มคนที่ไม่มีความลับ ซื่อตรง เชื่อถือได้ ยึดมั่นแต่ความจริง โปร่งใส
แง่มุมที่
1
การวางแผน
ในเนื้อเรื่องสังคมของไดเวอร์เจนท์มีการแบ่งผู้คนเป็นกลุ่มต่างเป็นห้ากลุ่มโดยทั้งห้ากลุ่มสร้างขึ้นมาจาก
flaws
ของมนุษย์ กล่าวคือ การรบราฆ่าฟันกันในอดีต
เกิดขึ้นมาก็เพราะมนุษย์นั้นเห็นแก่ตัว, ขี้ขลาด, ไม่ประสีประสา, ก้าวร้าวรุนแรงและไม่ซื่อสัตย์
สังคมจึงแบ่งออกเป็นห้ากลุ่มเพื่อชดเชยข้อบกพร่องของมนุษย์ทั้งห้าอย่างนั้นซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลมีการวางแผนที่แบ่งผู้คนให้รู้จักหน้าที่ของตนเอง
แง่มุมที่
2
ในเนื้อเรื่องนั้นแสดงให้เห็นว่าแม้จะเคยเป็นครอบครัวเดียวกันมา
ถึงเวลาก็ต้องพรากจาก หนังพยายามจะเน้นไปที่ปม “กลุ่มข้นกว่าเลือด”
อยู่มากพอสมควร
มองออกไปก็ดูไม่ต่างจากอุดมการณ์ของคนต่างกลุ่มในยุคนี้ แม้แต่ครอบครัวก็อาจล่มสลายได้จากขั้วความคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันซึ่งแสดงให้เห็นถึงแต่ละบุคคลมีจุดยืนเป็นของตนเองมีความคิดเป็นของตนเองซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ดีแต่การที่เชื่อมั่นในตนเองมากเกินไปโดยที่ไม่เปิดรับความคิดของผู้อื่นก็นำไปสู่ความล้มเหลวได้เหมือนกัน
แง่มุมที่
3
เมื่อถึงวัยที่สมควร
ซึ่งก็เป็นช่วงหนุ่มสาว พวกเขาต้องเลือกกลุ่มของตัวเอง
โดยเริ่มจากการทำแบบทดสอบกันก่อน
เหมือนทางการจะได้เก็บบทสรุปเอาไว้ว่าใครได้กลุ่มไหน แต่ก็ยังให้โอกาสเด็กๆ
ได้เลือกด้วยตัวเองอีกครั้งว่าจะอยู่กับกลุ่มเดิมที่ตนเติบโตขึ้นมาหรือจะไปอยู่กับกลุ่มใหม่ที่เชื่อว่าเข้ากับบุคลิกของตน
ซึงเหมือนกับสังคมในปัจจุบันก็คือช่วงหนึ่งที่ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตนั้นก็คือการก้าวเข้าสู่มหาวิทยาลัยที่ทุกคนสามารถเลือกได้และมีการสอบเข้าเพื่อให้ทราบว่าเราเหมาะที่จะเข้าดำเนินชีวิตทางสายนี้หรือไม่
แง่มุมที่
4
นางเอกShailene Woodley)อายุ 16
ปี เธอเข้ารับการทดสอบและปรากฏว่าเธออยู่ในกลุ่มที่เรียกว่าคนพวกไดเวอร์เจนท์ซึ่งคนจำพวกนี้ถือว่าจัดอยู่ในกลุ่มคนที่สังคมประณามว่าเป็นบุคคลอันตรายแต่ในทางกลับกันกลุ่มคนเหล่านี้ได้ช่วยให้สังคมพ้นผ่านวิกฤตในการปฏิวัติไปได้เปรียบเสมือนสังคมที่ควรให้โอกาสกลับกลุ่มคนที่แตกต่างจากผู้อื่น
แง่มุมที่
5
ตัวละคร และเนื้อเรื่องถูกออกแบบมาให้เห็นภาพสะท้อนสังคมของมนุษย์ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนโดยแบ่งออกเป็น
5 กลุ่ม ซึ่งการแบ่งออกเป็น 5 กลุ่มนี้สื่อให้เห็นว่าเกิดสังคมที่สงบสุขขึ้นมาได้
แต่กับไม่เป็นไปอย่างที่คิดซึ่งสุดท้ายแล้วสังคมแบบนี้ก็ล้มเหลว
นั้นเป็นสิ่งที่หนังสือเล่มนี้พยายามที่จะบอกว่าการที่แบ่งแยกมนุษย์ออกเป็นหลายๆพวกนั้นเป็นความคิดที่ผิดอย่างมาก
เพราะฉะนั้นสุดท้ายแล้วในนัยยะหนึ่งหนังสือได้บอกเป็นนัยๆว่า
การที่มนุษย์ต่างความคิดกัน ต่างอารยะ
สามารถอยู่ร่วมกันได้และจะนำไปสู่สังคมที่ยิ่งใหญ่และเข้มแข็งดีกว่าการแบ่งของผู้คนและสังคมแต่ละสังคมออกจากกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น